ในยามเช้าตรู่ที่ม่านหมอกยังคงปกคลุมเทือกเขาในเขตติกาล่า จังหวัดโตราจาเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุผ่านหมอกลงมายังท้องทุ่งนาที่เพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จหมาด ๆ ผู้คนทยอยกันมาชุมนุมที่นี่เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในงานเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยวประจำปี ที่เรียกว่า “ประเพณีซิเซ็มบะ” ประเพณีเฉพาะถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวโตราจา ที่ผู้คนจะมาเตะถีบกันเป็นหมู่คณะ
ในหมู่ผู้หญิงที่แต่งกายสวยงามมาร่วมงาน ต่างนำอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่นมาด้วยหลากหลายชนิด เช่น “ปียอง” หรือข้าวในกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของงานเลี้ยงร่วม ในอีกเทศกาลหนึ่งที่เรียกว่า “ประเพณีมาปียอง” ประเพณีอันทรงคุณค่าเหล่านี้ยังคงได้รับการอนุรักษ์และสืบสานกันอย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะในหมู่บ้านลูเดียน่า อำเภอติกาล่า เขตคันดีอาปิ จังหวัดโตราจาเหนือ สุลาเวสีใต้ ซึ่งจัดงานใหญ่ฉลองการเก็บเกี่ยวทุกปี
ในงานมีการเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองหลากหลาย มีการแสดงระบำมาเกลลู และมีประเพณีตำข้าวที่เรียกว่า “ประเพณีมาลัมบุค” ซึ่งเป็นอีกไฮไลต์สำคัญของงาน แต่ที่ทุกคนตั้งตารอคอยมากที่สุดคือช่วงสุดท้ายของงานฉลอง นั่นคือ “ประเพณีซิเซ็มบะ” ซึ่งแปลว่าการเตะกันและกัน โดยผู้คนนับร้อยจากทั่วสารทิศจะมาชุมนุมกันในทุ่งโล่ง แล้วพากันเตะถีบกันไปมาอย่างดุเดือดโดยไร้กฎเกณฑ์
เมื่อในอดีตเคยมีคนได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก แต่ความสนุกเร้าใจของการต่อสู้ก็ยังคงดึงดูดให้คนรุ่นหลังอยากเข้าร่วมไม่เสื่อมคลาย เมื่อการแสดงเริ่มขึ้น ผู้นำประเพณีท้องถิ่นจะยืนกล่าวสุนทรพจน์ตามธรรมเนียมที่เรียกว่า “มาปาร่าปะ” ซึ่งมีเนื้อหาถ่ายทอดคำสอนจากบรรพบุรุษ รวมถึงวิธีการทำนาที่ถูกต้องตามประเพณีซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นก็จะเริ่มการแสดงระบำมาเกลลู ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพิธีกรรมการเก็บเกี่ยวกำลังจะเริ่มขึ้น ระบำนี้สื่อถึงความชื่นชมยินดีและความกตัญญูต่อพืชพันธุ์ข้าว ส่วนประเพณีมาลัมบุค หรือการตำข้าวด้วยครก ก็เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของข้าว ยิ่งเสียงครกดังมากเท่าไร ศัตรูพืชก็ยิ่งหนีไปไกลเท่านั้น
เมื่อทุกอย่างพร้อม ผู้คนที่มาจากหลากหลายพื้นที่จะรวมตัวเป็นกลุ่ม ๆ และเตรียมต่อสู้ในประเพณีซิเซ็มบะ แต่ละคนจะผลัดกันเตะถีบอย่างรวดเร็วทันใจ เสียงตะโกนดังสนั่น ฝ่ายหนึ่งโจมตี ฝ่ายหนึ่งป้องกัน แม้การต่อสู้จะดูโหดเหี้ยมแต่ก็มีกติกา คือห้ามเตะคนที่ล้มลงแล้วต่อ และห้ามผูกใจเจ็บใส่กัน ทุกอย่างจบลงด้วยไมตรีจิตเสมอ
ถ้าผมโดนเตะเข้าเต็ม ๆ ร่างกายก็ต้องปวดซี้ดแน่ แต่มันเป็นความเสี่ยงที่ทุกคนต้องเจอ เพราะงั้นก็ไม่เป็นไร
โยฮานิส หนึ่งในผู้เข้าร่วมซิเซ็มบะเล่าอย่างอารมณ์ดี
ซิเซ็มบะต้องอาศัยแรงขาและจังหวะ เพื่อปล่อยเตะใส่คู่ต่อสู้ให้ล้มลง ผู้เล่นจะจับคู่และจับมือกัน เพื่อให้มีแรงมากขึ้น และพยายามโจมตีฝ่ายตรงข้ามจากหลายทิศทาง ในจังหวะเดียวกันก็ต้องระวังการโต้กลับด้วย

ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากไม่จัดประเพณีนี้ การเก็บเกี่ยวในปีต่อไปจะล้มเหลว
เราจัดเทศกาลอุดมสมบูรณ์แบบนี้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ทุกปีไม่เคยขาด ถ้าไม่มีซิเซ็มบะ ผลผลิตข้าวของหมู่บ้านก็จะลดลงแน่
ผู้นำพิธีกรรมอย่างไอแซ็ค ปาดังซุลเล เล่าถึงความเชื่อนี้
ระหว่างที่เหล่าผู้กล้ากำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย หากใครละเมิดกติกา ผู้นำประเพณีจะเข้ามาห้ามปรามและควบคุมสถานการณ์ สิ่งที่น่าทึ่งคือ แม้หลายคนจะได้รับบาดเจ็บและอารมณ์ค่อนข้างร้อนแรง แต่พอซิเซ็มบะจบลง ทุกคนก็กลับมากอดคอคุยกันได้อย่างปกติ ไม่มีใครผูกใจเจ็บหรือโกรธเคืองกัน
วัฒนธรรมซิเซ็มบะสะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬาของชาวโตราจา ความรุนแรงที่ดูเหมือนอันตราย แท้จริงแล้วเป็นปรัชญาชีวิต ที่สอนให้รู้ว่าเราต้องต่อสู้กับอุปสรรคอย่างกล้าหาญ แต่ต้องเคารพกติกา และรู้แพ้รู้ชนะ เพื่อความสงบสุขของชุมชน
การฉลองเก็บเกี่ยวของชาวโตราจาจึงเต็มไปด้วยสีสันและพลัง เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานและยังคงมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และอัตลักษณ์ที่งดงาม ของผู้คนในดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้ ที่ธำรงรักษาวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม