รายงานจากสำนักข่าวออนไลน์นานาชาติประเทศจีนกล่าวอย่างภูมิใจว่า ดินแดนของพวกเขาครองแชมป์ประเทศที่มูลค่าการค้าขายสินค้าเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดยมีคู่ค้ากว่า 150 ประเทศทั่วโลก และมีบริษัทที่ทำการค้ากับต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2012
ในปี 2023 การส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างรถยนต์ ชิป และแบตเตอรี่ลิเธียม เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งในครึ่งแรกของปี 2024 มูลค่าการส่งออกของ “สามสิ่งใหม่” ของจีน ซึ่งประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้าโดยสาร แผงโซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ก็ทะยานทะลุ 21 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก
ในรถยนต์ทุกๆ 10 คันที่ประเทศของเราส่งออก มี 4 คันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในรถไฟทุกๆ 10 คัน มี 7 คันเป็นรถไฟฟ้า และประมาณ 90% ของแบตเตอรี่ที่ส่งออกเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม
นี่คือชุดตัวเลขที่เปิดเผยในการแถลงข่าวของสำนักข่าวของรัฐจีนในวันที่ 30 กรกฎาคม 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการค้าเชิงคุณภาพ
จีนได้พัฒนาและส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย
หน่วยงานพลังงานระหว่างประเทศประเมินว่า ภายในปี 2030 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะมียอดขายราว 45 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2023 และสูงถึง 5 เท่าของกำลังการผลิตในจีน แนวโน้มความต้องการสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จะยิ่งผลักดันให้สินค้าประเภทนี้ เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า มียอดขายเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง
รัฐบาลจีนภูมิใจนำเสนอสถิติความสำเร็จเหล่านี้ผ่านงานแถลงข่าวและสื่อต่างๆ อย่างไม่เกรงใจใคร โดยเน้นย้ำถึงการเป็นผู้นำในการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม การประกาศชัยชนะอย่างโอ้อวดนี้กลับสร้างความไม่สบายใจให้กับชาวเน็ตคนจีนด้วยกันเองบางส่วน พวกเขามองว่าการ “อวดเก่ง” เช่นนี้อาจเป็นการ “เหยียบหาง” ประเทศคู่แข่ง และอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ตามมาโดยไม่รู้ตัว
บางคนใช้สำนวนเปรียบเทียบว่า
หากเสือตัวหนึ่งอวดอ้างว่าตัวเองแข็งแรงใหญ่โตได้อย่างไร นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าหมูตัวหนึ่งคุยโวว่าตัวเองอ้วนท้วนสมบูรณ์ได้อย่างไร ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะจะดึงดูดให้สัตว์กินเนื้อทั้งหลายจ้องจะเอาไปกิน
ซึ่งหมายความว่าจีนไม่ควรอวดความมั่งคั่งจนเกินงาม เพราะจะทำให้ตกเป็นเป้าหมายให้ชาติอื่นมาแสวงหาผลประโยชน์ได้
นอกจากนี้ ข้อกังวลเรื่องคุณภาพสินค้า สภาพการจ้างงาน และมลพิษจากการผลิต ที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ ก็อาจถูกหยิบยกขึ้นมาต่อว่าจีนได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นชาวเน็ตเหล่านี้จึงแนะนำให้จีนใช้ความสำเร็จอย่าง “ความเงียบเปรียบดั่งทองคำ” ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศชัยชนะออกสื่อให้เสียงดังมากนัก ควรถ่อมตัว สุภาพ เพื่อไม่ให้คู่แข่งและผู้ไม่หวังดีเล็งเป้า
พวกเขายังแนะนำให้จีนเร่งแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ เช่น ยกระดับคุณภาพสินค้า ปรับปรุงสภาพการทำงาน และสร้างการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดข้อครหาและเสริมความน่าเชื่อถือให้กับ “แบรนด์จีน” ในเวทีโลก
สุดท้ายนี้ แม้จีนจะเป็น “มังกร” ทางเศรษฐกิจ แต่บ่อยครั้งก็ไม่รู้จักออมชอมและถ่อมตน และนี่ก็อาจจะเป็นข้อสังเกตได้ว่า ทำไมชาวเน็ตถึงหมั่นใส้ แม้จะเป็นความสำเร็จของเพื่อนร่วมชาติก็ตาม
อ้างอิง:
中央广电总台央广网. (2024, July 31). 央广财评|中国货物贸易总额全球“七连冠” 绿色向新“量稳质升”. https://news.cri.cn/toutiaopic/6edc2452-f211-8c5b-c3a8-c51a8f0a6ce9.html