สื่อชื่อดังของเกาหลี Dong-A Ilbo ได้รายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเกาหลีเหนือกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าสนใจ เมื่อจีนได้ออกมาตรการกดดันเกาหลีเหนือในหลายด้าน ทั้งการเรียกร้องให้ส่งแรงงานเกาหลีเหนือกลับประเทศ และเพิ่มการควบคุมการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีครั้งสำคัญ และอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนได้ส่งข้อความถึงเกาหลีเหนือให้ส่งแรงงานในจีนกลับประเทศทั้งหมด ซึ่งคาดว่ามีจำนวนประมาณ 100,000 คน เนื่องจากวีซ่าของแรงงานส่วนใหญ่ใกล้หมดอายุ จีนต้องการให้แรงงานเหล่านี้เดินทางกลับประเทศพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้มองว่าเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ
แรงงานข้ามชาติถือเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศหลักของเกาหลีเหนือและมีความสำคัญต่อระบอบการปกครองของคิม จอง อึน โดยเฉพาะแรงงานในจีนที่มีสัดส่วนถึง 90% ของแรงงานเกาหลีเหนือในต่างประเทศทั้งหมด การที่จีนเรียกร้องให้แรงงานเกาหลีเหนือเดินทางกลับประเทศพร้อมกันถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจน และอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกาหลีเหนืออย่างมาก
เกาหลีเหนือได้เสนอให้มีการส่งแรงงานกลับเป็นระยะ และส่งแรงงานใหม่มาแทนที่ แต่จีนยืนยันจะให้แรงงานที่หมดวีซ่าเดินทางกลับก่อน และค่อยรับแรงงานใหม่ในภายหลัง ทำให้การเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศอยู่ในภาวะชะงักงัน หากแรงงานปัจจุบันต้องเดินทางกลับโดยไม่มีแรงงานใหม่มาแทนที่ เกาหลีเหนือจะสูญเสียรายได้จากเงินตราต่างประเทศเป็นอย่างมาก
นอกจากประเด็นแรงงานแล้ว จีนยังเพิ่มการควบคุมการค้าที่เกาหลีเหนือพึ่งพิงอย่างมาก โดยเข้มงวดกับการตรวจสอบสินค้าส่งออกไปเกาหลีเหนือ และปราบปรามการลักลอบขนส่งสินค้าอย่างผิดกฎหมาย เช่น การส่งออกถ่านหินจากเกาหลีเหนือมายังจีน และการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงจากจีนไปให้เกาหลีเหนือ ซึ่งแต่เดิมจีนมักจะละเว้นไม่เข้มงวด
ในเดือนพฤษภาคม 2024 เกาหลีเหนือนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่า 150.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าการนำเข้าในเดือนเมษายน 2024 แล้ว พบว่ามูลค่าการนำเข้าในเดือนพฤษภาคมลดลงไป 8.8%
ข้อมูลนี้มาจากกรมศุลกากรของจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการนำเข้าและส่งออกสินค้าของจีน
การที่มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีเหนือจากจีนลดลงนั้น แสดงให้เห็นว่ามาตรการควบคุมการค้าที่เข้มงวดขึ้นของจีนส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือด้วย เพราะเกาหลีเหนือพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีนเยอะมาก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้มองว่า การที่จีนออกมาตรการกดดันเกาหลีเหนือเช่นนี้ เป็นการตอบสนองต่อความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย โดยจีนต้องการส่งสัญญาณเตือนและควบคุมเกาหลีเหนือ ไม่ให้ก่อปัญหาหรือสร้างความขัดแย้งกับสหรัฐฯ มากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
เจ้าหน้าที่ยังให้ความเห็นว่า จีนกำลังเลือกใช้มาตรการที่สามารถส่งผลกระทบต่อระบอบการปกครองของคิม จอง อึน ได้ทันที และจับตาดูปฏิกิริยาของเกาหลีเหนือ หากเกาหลีเหนือยังคงดำเนินนโยบายที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของจีน จีนอาจใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นได้ในอนาคต
สื่อเกาหลีใต้มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเกาหลีเหนือดูเหมือนจะเริ่มปั่นป่วน ต่างจากในอดีตที่ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกัน จีนมักจะให้การสนับสนุนหรือเพิกเฉยต่อการกระทำของเกาหลีเหนือ แต่ตอนนี้จีนกลับออกมาใช้มาตรการกดดันเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างมีนัยยะสำคัญ
การที่เกาหลีเหนือหันไปผูกมิตรกับรัสเซียนั้น ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น จีนและเกาหลีเหนืออาจมีความขัดแย้งกันมากขึ้น โดยจีนใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันและควบคุมเกาหลีเหนือ ในขณะที่เกาหลีเหนืออาจใช้ความสัมพันธ์กับรัสเซียเพื่อถ่วงดุลอำนาจกับจีน
สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างจีน เกาหลีเหนือ และรัสเซียในขณะนี้ มีความอ่อนไหวและมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาค การเคลื่อนไหวของทั้งสามประเทศจึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
แม้ข่าวจะรายงานว่าจีนกำลังกดดันเกาหลีเหนือด้วยการส่งแรงงานกลับประเทศ หรือกระทั่งคุมเข้มทางการค้ามากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาให้ดี เราอาจมองได้ว่านี่เป็นเพียงการหมุนเวียนแรงงานตามวาระปกติเท่านั้น เพราะแรงงานชุดปัจจุบันหมดวีซ่าทำงานพอดี และจีนก็ยังเปิดโอกาสให้ส่งแรงงานชุดใหม่เข้ามาทดแทนอยู่
นอกจากนี้ นโยบายจำกัดอายุการทำงานในบางอาชีพก็เป็นแนวทางที่ผู้นำคิม จอง อึน วางไว้อยู่แล้ว เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสทำงาน ไม่ต้องรอจนรุ่นเก่าเกษียณอายุ การส่งแรงงานกลับในครั้งนี้จึงอาจสอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวของเกาหลีเหนือด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องที่จีนเพิ่มการควบคุมการค้ากับเกาหลีเหนือนั้น อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศก็ได้ แต่อาจเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของทั้งจีนและเกาหลีเหนือด้วย
ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี การอัตราการค้าขายระหว่างประเทศมักจะลดลงตามไปด้วย เพราะประเทศต่างๆ มักจะลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยและเน้นพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ดังนั้น การที่จีนเข้มงวดกับการค้ากับเกาหลีเหนือ อาจสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจของจีนเองที่กำลังชะลอตัวลง และต้องการจำกัดการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป
ในขณะเดียวกัน เกาหลีเหนือเองก็อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ทำให้มีกำลังซื้อสินค้าจากจีนลดลง ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศลดต่ำลงด้วย
อีกประเด็นที่น่าคิดคือ การที่จีนออกมาแสดงท่าทีกดดันเกาหลีเหนือต่อสาธารณะเช่นนี้ อาจเป็นเพียงการทำเพื่อรักษาผลประโยชน์บางอย่างของจีนเอง เพราะความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างจีนและเกาหลีเหนือยังดูท่าแนบแน่นเหมือนเดิม แต่ด้วยสถานการณ์บางอย่าง จีนจึงจำเป็นต้องส่งสารออกมาเช่นนั้น ซึ่งอาจเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศมากกว่า
สุดท้ายนี้ แม้เกาหลีใต้และหลายฝ่ายจะตีความสัญญาณจากจีนไปในทางลบ แต่ผมเห็นว่าเราควรมองสถานการณ์อย่างรอบด้าน ไม่ด่วนสรุปจากข่าวที่เห็น เพราะความสัมพันธ์ระหว่างจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือนั้นซับซ้อนและลึกซึ้งกว่าที่หลายคนเข้าใจ การกระทำบางอย่างอาจมีนัยยะแฝงที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ครับ
ที่มา: Shin, J. (2024, July 9). 中 “北 노동자 다 나가라”… 러와 밀착 北 ‘돈줄’ 죈다. Donga Ilbo. https://www.donga.com/news/Inter/article/all/20240709/125834395/2